เด็กไม่ได้ไปกวดวิชา ก็เก่งได้
เจอใครๆ ก็บอกว่า ต้องให้ลูกไปเข้าโรงเรียนกวดวิชา...
"เดี๋ยวต้องไปส่งลูกที่โรงเรียนกวดวิชา.."
"กลุ้มใจ ถ้ามีลูกอายุไล้เลี่ยกัน คงหนักที่ต้องส่งเรียนกวดวิชาพร้อมกันหลายคน"
ดูเหมือนว่า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กในยุคนี้ไปซะแล้ว..
ถ้าไม่ไปกวดวิชา คงจะเป็นความผิดปกติของเด็กนักเรียนในยุคนี้ล่ะมั้ง
"เออ สมัยของเรา ไม่เห็นจะต้องไปเรียนกวดวิชาเลยนะ เลิกเรียนก็ไปเล่นกีฬา กลับไปทำงานบ้าน"
"กูไปยิงนกตกปลา ไปซนที่ตลาด"
" สมัยเรา ยังไม่มีโรงเรียนกวดวิชา ก็ยังอยู่ได้ "
"แต่สมัยนี้มันไม่เหมือนกัน ถ้าไม่กวดวิชา จะสู้เด็กคนอื่นได้เหรอ จะหางานที่ดีๆ ได้มั้ย"
กรรม...
งั้นคนที่เรียนไม่เก่ง ที่บ้านยากจน ชีวิตในชาตินี้คงจะทำงานที่ดีๆไม่ได้ล่ะสิ..
"ที่จริงน่าจะมีนะ เด็กที่ไม่กวดวิชา แต่ก็ประสบความสำเร็จได้"
"กูว่า คงไม่มีใครเอามาป่าวประกาศเหมือนคนที่เรียนกวดวิชา อย่างเวลาเด็กสอบได้ ไอ้โรงเรียนกวดวิชา รีบเอาข้อมูลมานำเสนอเลย ว่าโรงเรียนของกู มีเด็กสอบติดที่นั่นกี่คน สถิติกี่เปอร์เซ็นต์ เห็นมะ มาเรียนที่นี่ มีโอกาสสอบติดสูง"
"ถ้างั้น เด็กที่สอบได้ แต่ไม่ไปกวดวิชา ก็ไม่มีใครไปป่าวประกาศสิ"
"มันคงเป็นทางลัดนะ คนที่ไปกวดวิชา คงได้แนวข้อสอบ วิธีทำข้อสอบที่ได้คะแนนมากกว่า เลยมีโอกาสสอบติดในคณะที่มีชื่อเสียง เชิดหน้าชูคอได้มากกว่า แต่ละโรงเรียนกวด ก็แข่งกันป่าวประกาศถึงคนที่สอบติด ทั้งโฆษณา ให้ข้อมูลกันเข้าไป แต่คนที่ไม่ได้ไปกวด สอบติด ก็เป็นข่าวในระดับนึง ไม่ได้ถูกตอกย้ำ ป่าวประกาศมาก เหมือนของโรงเรียนกวดวิชา"
"ไม่แน่เสมอไปหรอกนะ ที่โรงเรียนในระบบปกติ โรงเรียนมัธยมประจำเขต ประจำจังหวัด ประจำอำเภอ เวลาเด็กสอบติด เดี๋ยวนี้ ติดรูป ติดชื่อไว้ที่รั้วโรงเรียนแล้ว ใครผ่านไปผ่านมา มองเห็นกันหมด"
"อันนั้น ยังไม่ดังพอเหรอ"
"ดังในระดับท้องถิ่น แถวนั้นล่ะ แต่พอไปจังหวัดอื่นๆ ก็ไม่ได้รับความสนใจแล้ว จังหวัดอื่น ก็ต้องสนใจ เด็กในโรงเรียนในจังหวัดนั้นๆสิ"
เออ ถ้าเด็กไม่ไปกวดวิชา จะไม่มีสิทธิเป็นเด็กที่เก่งได้เหรอ
"เก่งที่ว่านี่ เก่งแบบไหนล่ะ เพราะเด็กแต่ละคน เก่งไม่เหมือนกัน"
"ถ้าจะเอาเก่งในวิชาการ วิชาหนึ่ง เด็กคนหนึ่ง ไปกวดวิชา จนสอบได้คะแนนสูง ในวิชานั้นก็ได้ แต่เด็กที่ไม่ได้ไปกวดวิชา เก่งเรื่องซ่อมรถ ช่างไฟฟ้า ช่างยนต์ เรื่องนี้ เด็กที่ไปกวดวิชา ก็เก่งสู้คนที่เก่งช่างไฟฟ้า ช่างยนต์ไม่ได้"
" ก็แน่ละ เด็กที่เก่งสายช่าง จะต้องไปสอบเข้าสายวิทย์-คณิต ทำไมล่ะ ก็มุ่งไปทางสายช่าง สายอาชีพเลยสิ"
หลายครั้ง กว่าจะค้นพบความเก่งของเด็กคนหนึ่ง ก็ต้องใช้เวลาสังเกต ศึกษา ค้นหาที่สิ่งเค้าถนัดกันก่อน....
บางเรื่อง แม้ไม่ได้ไปกวดวิชา ก็สามารถแนะนำ ฝึกฝนให้เค้าได้..
เพื่อให้เป็นความรู้พื้นฐานทีจะใช้ในชีวิตประจำวัน ต่อไปในวันข้างหน้า..
เช่น เรื่องภาษาอังกฤษ ในอนาคต ไม่แน่นะ จะต้องได้ติดต่อกับคนต่างชาติ
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานด้วย การติดต่องาน การค้าขาย อะไรต่างๆ
รู้ภาษาอังกฤษไว้บ้าง ไม่เสียหลาย
ถึงไม่ได้ไปกวดวิชา แต่ก็สามารถที่จะฝึกทักษะภาษาอังกฤษได้
อย่างแรก ก็คือ การท่องศัพท์...
ถ้ารู้ความหมายของคำศัพท์ ก็สามารถที่จะเข้าใจความหมายได้
อย่างต่อมา คือ การท่องไวยากรณ์ให้แม่น..
จำให้แม่นย่ำ..
เมื่อได้ฟัง ได้อ่าน ก็สามารถที่จะเดาความหมาย เดาเรื่องราว เนื้อความต่างๆได้...
เจอใครๆ ก็บอกว่า ต้องให้ลูกไปเข้าโรงเรียนกวดวิชา...
"เดี๋ยวต้องไปส่งลูกที่โรงเรียนกวดวิชา.."
"กลุ้มใจ ถ้ามีลูกอายุไล้เลี่ยกัน คงหนักที่ต้องส่งเรียนกวดวิชาพร้อมกันหลายคน"
ดูเหมือนว่า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กในยุคนี้ไปซะแล้ว..
ถ้าไม่ไปกวดวิชา คงจะเป็นความผิดปกติของเด็กนักเรียนในยุคนี้ล่ะมั้ง
"เออ สมัยของเรา ไม่เห็นจะต้องไปเรียนกวดวิชาเลยนะ เลิกเรียนก็ไปเล่นกีฬา กลับไปทำงานบ้าน"
"กูไปยิงนกตกปลา ไปซนที่ตลาด"
" สมัยเรา ยังไม่มีโรงเรียนกวดวิชา ก็ยังอยู่ได้ "
"แต่สมัยนี้มันไม่เหมือนกัน ถ้าไม่กวดวิชา จะสู้เด็กคนอื่นได้เหรอ จะหางานที่ดีๆ ได้มั้ย"
กรรม...
งั้นคนที่เรียนไม่เก่ง ที่บ้านยากจน ชีวิตในชาตินี้คงจะทำงานที่ดีๆไม่ได้ล่ะสิ..
"ที่จริงน่าจะมีนะ เด็กที่ไม่กวดวิชา แต่ก็ประสบความสำเร็จได้"
"กูว่า คงไม่มีใครเอามาป่าวประกาศเหมือนคนที่เรียนกวดวิชา อย่างเวลาเด็กสอบได้ ไอ้โรงเรียนกวดวิชา รีบเอาข้อมูลมานำเสนอเลย ว่าโรงเรียนของกู มีเด็กสอบติดที่นั่นกี่คน สถิติกี่เปอร์เซ็นต์ เห็นมะ มาเรียนที่นี่ มีโอกาสสอบติดสูง"
"ถ้างั้น เด็กที่สอบได้ แต่ไม่ไปกวดวิชา ก็ไม่มีใครไปป่าวประกาศสิ"
"มันคงเป็นทางลัดนะ คนที่ไปกวดวิชา คงได้แนวข้อสอบ วิธีทำข้อสอบที่ได้คะแนนมากกว่า เลยมีโอกาสสอบติดในคณะที่มีชื่อเสียง เชิดหน้าชูคอได้มากกว่า แต่ละโรงเรียนกวด ก็แข่งกันป่าวประกาศถึงคนที่สอบติด ทั้งโฆษณา ให้ข้อมูลกันเข้าไป แต่คนที่ไม่ได้ไปกวด สอบติด ก็เป็นข่าวในระดับนึง ไม่ได้ถูกตอกย้ำ ป่าวประกาศมาก เหมือนของโรงเรียนกวดวิชา"
"ไม่แน่เสมอไปหรอกนะ ที่โรงเรียนในระบบปกติ โรงเรียนมัธยมประจำเขต ประจำจังหวัด ประจำอำเภอ เวลาเด็กสอบติด เดี๋ยวนี้ ติดรูป ติดชื่อไว้ที่รั้วโรงเรียนแล้ว ใครผ่านไปผ่านมา มองเห็นกันหมด"
"อันนั้น ยังไม่ดังพอเหรอ"
"ดังในระดับท้องถิ่น แถวนั้นล่ะ แต่พอไปจังหวัดอื่นๆ ก็ไม่ได้รับความสนใจแล้ว จังหวัดอื่น ก็ต้องสนใจ เด็กในโรงเรียนในจังหวัดนั้นๆสิ"
เออ ถ้าเด็กไม่ไปกวดวิชา จะไม่มีสิทธิเป็นเด็กที่เก่งได้เหรอ
"เก่งที่ว่านี่ เก่งแบบไหนล่ะ เพราะเด็กแต่ละคน เก่งไม่เหมือนกัน"
"ถ้าจะเอาเก่งในวิชาการ วิชาหนึ่ง เด็กคนหนึ่ง ไปกวดวิชา จนสอบได้คะแนนสูง ในวิชานั้นก็ได้ แต่เด็กที่ไม่ได้ไปกวดวิชา เก่งเรื่องซ่อมรถ ช่างไฟฟ้า ช่างยนต์ เรื่องนี้ เด็กที่ไปกวดวิชา ก็เก่งสู้คนที่เก่งช่างไฟฟ้า ช่างยนต์ไม่ได้"
" ก็แน่ละ เด็กที่เก่งสายช่าง จะต้องไปสอบเข้าสายวิทย์-คณิต ทำไมล่ะ ก็มุ่งไปทางสายช่าง สายอาชีพเลยสิ"
หลายครั้ง กว่าจะค้นพบความเก่งของเด็กคนหนึ่ง ก็ต้องใช้เวลาสังเกต ศึกษา ค้นหาที่สิ่งเค้าถนัดกันก่อน....
บางเรื่อง แม้ไม่ได้ไปกวดวิชา ก็สามารถแนะนำ ฝึกฝนให้เค้าได้..
เพื่อให้เป็นความรู้พื้นฐานทีจะใช้ในชีวิตประจำวัน ต่อไปในวันข้างหน้า..
เช่น เรื่องภาษาอังกฤษ ในอนาคต ไม่แน่นะ จะต้องได้ติดต่อกับคนต่างชาติ
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานด้วย การติดต่องาน การค้าขาย อะไรต่างๆ
รู้ภาษาอังกฤษไว้บ้าง ไม่เสียหลาย
ถึงไม่ได้ไปกวดวิชา แต่ก็สามารถที่จะฝึกทักษะภาษาอังกฤษได้
อย่างแรก ก็คือ การท่องศัพท์...
ถ้ารู้ความหมายของคำศัพท์ ก็สามารถที่จะเข้าใจความหมายได้
อย่างต่อมา คือ การท่องไวยากรณ์ให้แม่น..
จำให้แม่นย่ำ..
เมื่อได้ฟัง ได้อ่าน ก็สามารถที่จะเดาความหมาย เดาเรื่องราว เนื้อความต่างๆได้...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น