วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559

สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเราก็คือ "ความอิจฉาริษยา"

สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเราก็คือ "ความอิจฉาริษยา"
-หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ-

Jitsai Chanachai ใช่ครับ ความอิจฉา ริษยา มีอยู่ทั่วแห่ง ในปุถุชน ในวัด ในบ้าน ในที่ทำงาน ในกลุ่ม และในครอบครัว พ่อแม่ ลูก พี่ น้อง สามี ภรรยา ความอิจฉา ริษยา ไม่เคยละเว้ณเลย.
พระบรม มหาศาสดา จึงทรงสั่งสอน และชี้ทางสว่างว่า.หรหมวิหาร ๔.คือ เมตตา.กรุณา.มุทิตา.อุเบกขา. หมั่นเจริญ ภาวนา ทุกๆวัน.
จิตใจ จะได้สดชื่น ผ่อนคลาย ความทิฎฐิมานะ และอิจฉา ริษยา และใจก็จะเบิกบาน ปิติ ในที่สุด ครับ..?

ลมเย็น ศรสุข โดยเฉพาะประเทศแถบAEC ไม่เข้าใจเพราะอะไร ฝรั่งเข้าไม่ค่อยอิจฉาอะไรกัน ทำงานทำหน้าที่ตัวเองไป ไม่ค่อยสนใจโอ้อวดวัตถุ
#หรือแถวนี้มีวัฒนธรรมปมด้อยเยอะ หรือคิดเรื่องความภูมิใจในปัจเจกไม่เป็น

จักรี พรรณลา สิ่งที่สาหัสสำหรับคนเรา คือกิเลส ถ้าคนเราดับกิเลสได้ก็มีความสุข ความสบายใจ และถ้าคนไทยเราดับกิเลสได้กันทุกคนประเทศก็จะมีแต่ความสุขความเจริญ

Suvicha Kumlangsua ความอิจฉาริษยา มันเป็นกิเลสที่ละเอียดมาก นอนเนื่องอยู่ในสันดานของมนุษย์ทุกรูปทุกนาม แต่สำหรับคนไทยดูเหมือนจะมีมากกว่าชนชาติอื่น เพราะเรามีละครไทย หนังไทย ที่ช่วยส่งเสริมความอิจฉาริษยาของคนไทย ให้ฟุ้งอยู่เสมอ เหมือนกวนน้ำในตุ่ม ความอิจฉาริษยาของคนไทยนี่แหละครับ ที่ทำให้ประเทศไทยกำลังประสบชะตากรรมอยู่ในปัจจุบันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น